6 เคล็ดลับดูแลสมองห่างไกลโรค

6 เคล็ดลับดูแลสมองห่างไกลโรค

 

หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วสำหรับเคล็ดลับในการดูแลสมองของเราให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีแต่เชื่อว่าคงมีหลายเคล็ดลับจนน่าปวดหัววันนี้จึงขอนำ6เคล็ดลับจำง่ายมาเสนอเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อ่าน

 

เริ่มจากข้อห้ามกันก่อน

 

ข้อห้ามที่ 1 : เชื่อมั่นในความคิด อย่าหมดศรัทธาในศักยภาพของตัวเอง

หากคุณเดินเข้ามาในห้อง แล้วมีคำถามขึ้นมาว่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าความทรงจำของคุณเริ่มทำงานแย่ลงแล้ว ซึ่งมีผลจากงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องอายุของ Dayna Touron จาก the University of North Carolina โดยเผยว่า อายุที่เพิ่มมากขึ้นมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความมั่นใจทางความคิด ซึ่งมาจากเหตุผลที่ว่า "เราหวังพึ่งสิ่งอื่นอยู่เสมอ" อย่างเช่น GPS นำทางในรถยนต์ หรือโปรแกรมช่วยจดในมือถือ ดังนั้นประการแรกขอให้คุณมั่นใจในความคิดของคุณให้มากขึ้น แม้ว่าคุณจะเข้ามาในห้องแล้วจำไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน เพียงแค่พยายามคิดให้มากขึ้นอีกนิด ก็น่าจะช่วยคุณได้

ข้อห้ามที่ 2 : หยุด! อาหารขยะ หันมากินอาหารที่มีวิตามินกันดีกว่า

อาหารขยะมาพร้อมกับ "โรคอ้วน" ซึ่งเป็นตัวอันตรายที่สามารถทำลายสมองคุณได้อย่างแน่นอน เพราะมันจะไปสร้างโคเลสเตอรอลในหลอดเลือดแดง และสามารถจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง แต่ถึงอย่างนั้น ยังพอมีข่าวดี หากว่าคุณเลี่ยงอาหารขยะมากินอาหารจำพวกที่มีโอเมก้า 3 กรดไขมัน วิตามินดี หรือวิตามินบี12 เพราะสารอาหารเหล่านี้จะลดการทำลายสมองของคุณได้

 

สิ่งที่คุณควรปฏิบัติ

 

ข้อควรที่ 1 : โปรดรักษา "หู" ของคุณ

ทราบไหมว่าการฟังเพลงร็อคเพียงวันละ 15 วิ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความเสียหายต่อการได้ยิน หรือกระทั่งการใช้ไดร์เป่าผมวันละ 15 นาที ก็อาจเป็นอันตรายต่อเซลล์เล็กๆที่รับเสียงของคุณได้ และที่สำคัญหากคุณรู้สึกว่ามีอาการหูตึง หรือได้ยินยากขึ้นกว่าเดิม ควรที่จะขอความช่วยเหลือจากแพทย์โดยด่วน

ข้อควรที่ 2 : โปรดเรียน "ภาษาหรือดนตรี"

การเรียนรู้สร้างคุณค่าต่อสมองของเราเสมอ แนะนำว่า คุณควรจะเล่นเปียโน หรือไปลงเรียนภาษาใหม่ๆ เพราะว่าทั้งสองทักษะนี้จะเป็นการช่วยออกกำลังกายสมองของคุณอย่างดี นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยรองรับอีกว่า นักดนตรีมากกว่าร้อยละ 60 มีโอกาสในการเข้าสู่สภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่าคนที่ไม่ได้เล่นดนตรี และคนที่สามารถพูดภาษาอื่นๆได้ สามารถลดภาวะการเกิดอัลไซเมอร์ได้มากถึง 5 ปี

ข้อควรที่ 3 : โปรดพัฒนา "ร่างกาย" ของคุณ

มีข้อความหนึ่งบอกว่า "การพัฒนาร่างกายเป็นอีกหนึ่งทางที่ความคิดจะพัฒนาไปด้วย" เพราะการออกกำลังกายไม่เพียงแต่จะสร้างการไหลเวียนของเลือดไปสู่สมอง แต่ยังส่งผลให้เกิดการวิ่งพล่านของโปรตีนที่จะมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของระบบประสาท เพราะฉะนั้น ถ้าอยากดูแลรักษาพลังของสมองไปนานๆ ก็อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายกันบ้าง

ข้อควรที่ 4 : การเข้าสังคม ทำให้รู้สึกว่าคุณอายุ 21 อีกครั้ง

หากใครที่กำลังบ่นว่า "งานหนัก" ก็ขอแนะนำวิธีในการดูแลสมองของคุณว่า "จงเข้าสังคม" เพราะนอกจากจะสมกับคำกล่าวอมตะที่ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคมแล้ว" มันยังจะทำให้คุณได้เจอความท้าทายและประสบการณ์ใหม่ๆ รวมถึงจะบรรเทาความเครียดและความทุกข์ของคุณลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

 

สมองของเราก็เหมือนเครื่องจักรดีๆเครื่องหนึ่งที่ต้องการการเอาใจใส่เพื่อที่จะได้ทำงานอย่างดี และถึงที่สุดแล้วนักวิทยาศาสตร์ก็ทราบดีว่าไม่มีทางหนึ่งทางใดหรอกที่จะช่วยพัฒนาและรักษาสมองของคุณได้เพราะคนที่มีอายุยืนที่สุดมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจมันก็เกิดจากปัจจัยที่หลากหลายทั้งอาหารที่คุณกิน กิจกรรมที่คุณทำ กระทั่งเพื่อนของคุณ และวงจรความรักที่คุณมี

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

http://www.thaihealth.or.th/Content/29274

www.matichon.co.th

http://daily.bangkokbiznews.com