รู้จัก"โรคเบาหวาน"

โรคเบาหวานคืออะไร: โรคเบาหวานคือโรคที่เซลร่างกายมีความผิดปรกติในขบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน  เมื่อน้ำตาลไม่ได้ถูกใช้จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าระดับผิดปรกติ  

 

แล้วแค่ไหนจึงจะเรียกว่าผิดปรกติ: ในปัจจุบันหลายประเทศใช้เกณฑ์ระดับน้ำตาลที่ >126 มก./ดล.  โดยมีข้อแม้ว่าเป็นค่าของน้ำตาลในน้ำเลือดหลังจากอดอาหารมาอย่างน้อย 8 ชม. แล้ว  แต่ถ้าบังเอิญท่านไม่ได้อดอาหารมาก่อน  แต่ต้องการตรวจเลยโดยไม่อยากกลับมาใหม่ในวันรุ่งนี้  ท่านสามารถเจาะเลือดได้เลยโดยใช้ค่า 200มก./ดล.เป็นเกณฑ์

 

แล้วทำไมร่างกายเราจึงขาดอินซูลิน: การขาดอินซูลินมีอยู่ 2 แบบหลักๆ

 

1. ร่ายกายขาดฮอร์โมนอินซูลินจริงๆ  หมายถึง อินซูลินเท่ากับศูนย์ ไม่มีเลยทั้งนี้เพราะโรงงานที่ผลิตคือตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่ได้ ส่วนจะผลิตไม่ได้เพราะอะไรยังสามารถแยกแยะต่อไปได้อีก

 

1.1 ถ้าผลิตไม่ได้เพราะเซลเบต้าที่ผลิตถูกทำลายโดยภูมิคุ้มกันของตัวเอง องค์การอนามัยโลก (WHO classification) ให้เป็น เบาหวานชนิดที่ 1 เขียนสั้นๆ ว่า “DM1”

 

1.2 ถ้าผลิตไม่ได้เพราะเซลเบต้าถูกทำลายด้วยสาเหตุอื่นเช่น มะเร็ง เหล้า เบียร์ แอลกอฮอล์แร่เหล็ก หรืออะไรอย่างอื่นไปตกตะกอนในตับอ่อน หรือตับอ่อนถูกตัด เช่น เกิดอุบัติเหตุ WHO ให้เป็นเบาหวานอื่นๆ (other DM)

 

เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ต้องฉีดยาตลอดชีวิตจริงหรือ: จริง  เพราะร่างกายผลิตอินสุลินไม่ได้เลย  และอินลุลินเป็นโปรตีนไม่สามารถทำเป็นยากินได้เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะย่อยอินสุลินจนหมดฤทธิ์ จึงจำเป็นต้องฉีดเข้าไป  มีการผลิตอินสุลินเป็นยาพ่นจมูก  แต่ผลของการใช้ขึ้นกับเทคนิคของผู้ใช้  ในปัจจุบันการรักษามาตราฐานของเบาหวานชนิดที่ 1 คือการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง

 

ตลอดชีวิตเลยหรือ: ตลอดชีวิต  จนกว่าในอนาคตจะสามารถทำการผ่าตัดปลูกถ่ายเซลตับอ่อน หรือตับอ่อนโดยใช้ยากดภูมิคุ้มกันที่ไม่มีผลข้างเคียงมาก  หรือจนกว่าจะสามารถผลิตเครื่องมืออิเลคโทรนิคขนาดเล็กที่สามารถปล่อยอินสุลินออกมาขนาดน้อยๆ โดยติดตั้งไว้ในช่องท้องแบบตัวอ่อน  และสามารถปรับขนาดอินสุลินตามระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยอัตโนมัติ  (อ่านเรื่อง bionic pancreas ในหน้าบทความสุขภาพ)

 

ถ้าเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ควรทำอย่างไร นอกจากพบหมอสม่ำเสมอเพื่อเรียนรู้การรักษาด้วยอินสุลินแล้ว  การออกกำลังกาย  การวางแผนการรับประทานอาหารเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากภาวะนี้มักเกิดในคนอายุน้อย  การรักษาระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปรกติมากที่สุดตลอดเวลาจะชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนของเบาหวาน

 

2. ร่างกายไม่ได้ขาดอินซูลิน ตับอ่อนสามารถผลิตอินซูลินได้ดี หรืออาจจะผลิตได้มากกว่าปรกติด้วยซ้ำ แต่อินซูลินไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าเซลได้ อย่างนี้พูดได้ว่ามีแต่ก็ใช้ไม่ได้ เสมือนหนึ่งว่าขาด กลไกแบบนี้ WHO จัดให้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เขียนสั้นๆ ว่า “DM2”

 

แล้วทำไมเราจึงเป็นเบาหวานชนิดที่ 2ล่ะ: คำถามนี้ควรถามร่วมกับคำถามอีก1 ข้อไปพร้อมๆ กัน  ก็แล้วทำไมเราจึงไม่เป็นเบาหวาน หรือทำไมบางคนจึงเป็นเบาหวาน ทำไมบางคนจึงไม่เป็นเบาหวาน  อะไรเป็นตัวกำหนด คำถามนี้ต่างหากที่คนส่วนใหญ่อยากทราบ

 

เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับยีนส์ กรรมพันธุ์ พันธุกรรม แล้วแต่อยากจะใช้คำว่าอะไร  แต่ยีนส์หรือกรรมพันธุ์อย่างเดียวไม่สามารถทำให้เกิด "โรค" ได้  จะต้องมีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ปัจจัยของโรคเบาหวานและกลุ่มนี้ก็คือการดำเนินชีวิตแบบสมัยใหม่ civilization นั่นเอง

 

อาการของโรคเบาหวานที่พบบ่อย: 

·         ปัสสาวะบ่อย  

·         กระหายน้ำมาก  หิวมากกว่าปรกติ 

·         น้ำหนักลด  อ่อนเพลีย สมาธิไม่มี

·         ชาปลายมือปลายเท้า

·         ตามัว ป่วยบ่อย ติดเชื้อบ่อย

·         คลื่นไส้ เวียนหัว หงุดหงิด ขบคิดปัญหาง่ายๆ ไม่ดี

·         แผลหายช้า

·         คันผิวหนัง คันช่องคลอด

 

อาการที่พบบ่อยนี้จะเริ่มสังเกตเห็นได้เมื่อระดับน้ำตาลสูงกว่า 200 มก./ดล. ทั้งนี้เพราะไตสามารถเก็บกักกลูโคสได้มากที่สุดประมาณ 160-180 มก./ดล. ที่ระดับน้ำตาลสูงกว่านี้กลูโคสเป็นสารที่ดูดน้ำเอาไว้  จึงพาเอาน้ำและเกลือแร่อย่างอื่นเช่นโซเดียม ขับออกมาเป็นปัสสาวะจำนวนที่มากกว่าปรกติ ผู้ป่วยจะสังเกตได้ง่ายคือแม้ไม่รับประทานน้ำในขณะหลับ ก็ยังต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะ ส่วนอาการผิวแห้ง คัน กระหายน้ำนั้นเป็นผลพวงของปัสสาวะที่มากนั่นเอง ส่วนอาการทางอารมณ์และสมอง เกิดจากความหนืดของเลือดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสมองสามารถสังเกตได้ค่อนข้างไวนั่นเอง ดังนั้นในคนที่ระดับดับน้ำตาลสูงกว่าเกณฑ์ 126 มก./ดล.จึงไม่มีอาการใดๆ และมักจะพบโดยบังเอิญในการตรวจร่างกายประจำปี

 

วิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน

 

วิธีลดความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน มีหลายวิธี เช่น คุมอาหาร เลือกอาหารสุขภาพ ลดน้ำหนัก ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่ เป็นต้น

 

วิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง คือ ออกกำลังกายวันละ 30นาที ต่อวัน สามารถลดการเกิดเบาหวานได้ถึง 40% โดยการออกกำลัง ทำได้หลากหลาย เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน

 

 

แหล่งที่มาอ้างอิง: http://www.diabassocthai.org/,http://www.idf.org/prevention