คาดแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สูงขึ้น
กรมควบคุมโรค คาดแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มสูงขึ้น
หลังอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แนะผู้ปกครองควรดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด
หากมีอาการป่วยคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ ควรให้หยุดเรียนและรีบพบแพทย์ทันที
รวมถึงหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ป้องกันการรับเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 นายแพทย์สุวรรณชัย
วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2561 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยที่ในระหว่างวันมีอากาศร้อนสลับฝน
และช่วงเย็นถึงกลางคืนจะมีอากาศเย็น
ประชาชนจึงมีโอกาสเสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่
โดยเฉพาะพื้นที่ที่คนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียนและค่ายทหาร เป็นต้น
ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรครายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์ 2561 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว 15,333
ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
โดยพบผู้ป่วยมากในกลุ่มวัยทำงาน (อายุ 35-44 ปี)
กลุ่มเด็กเล็ก (อายุแรกเกิด-4 ปี) และกลุ่มวัยเรียน (อายุ 10-14
ปี) ตามลำดับ สำหรับ 5 จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ
พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน กรุงเทพฯ และลำปาง ตามลำดับ
กรมควบคุมโรค
ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพและป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่
โดยเฉพาะสถานที่ที่คนอยู่รวมกันจำนวนมาก เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการรับเชื้อได้ง่าย
ทั้งนี้ โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อกันได้ง่าย จากการไอหรือจามรดกัน โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูก
น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย อาการจะคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการ ปวดกล้ามเนื้อมาก และปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
แต่สามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน ทั้งนี้
กลุ่มเสี่ยงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจเสียชีวิตได้
ดังนั้นหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง
หรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรพบแพทย์ทันที
สำหรับผู้ปกครองควรดูแลเด็กเล็กอย่างใกล้ชิด โดยหมั่นสังเกตอาการของเด็ก
หากมีอาการป่วยคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ ควรให้หยุดเรียนและรีบพบแพทย์ทันที
เพื่อรับการวินิจฉัยต่อไป
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า หลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” สามารถป้องกันการรับเชื้อได้ โดย ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ
จามต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัด
ควรใช้หน้ากากอนามัย, ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสสิ่งของ
เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันใด ราวบนรถโดยสาร, เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย และ หยุด คือ เมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน
แม้จะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
การป้องกันอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงรับบริการฉีดวัคซีนปีละ 1
ครั้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของโรคลงได้
โดยกลุ่มเสี่ยงที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้คือ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม
ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย
รวมถึงผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ
แหล่งที่มาอ้างอิง:
สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ / สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค https://pr.moph.go.th/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=107513